ช่อดอกกัญชาพรีเมียม บนต้น เติบโตด้วยระบบควบคุมค่า pH Overflow และสภาพแวดล้อมในร่ม

Crop Steering ด้วยไนโตรเจน: เทคนิคควบคุมการเติบโตเพื่อคุณภาพและผลผลิตสูงสุด

การทำ Crop Steering มีความสำคัญอย่างมาก เพราะช่วยปรับการเจริญเติบโตของพืชให้เหมาะกับเป้าหมาย

เช่น การเพิ่มผลผลิต (Yield) การเพิ่มปริมาณสารสำคัญ (THC, CBD, เทอร์พีน) หรือการควบคุมโครงสร้างของพืชให้เหมาะกับสภาพแวดล้อม

ไนโตรเจน (N) เป็นธาตุหลักที่มีบทบาทสำคัญในทุกช่วงการเติบโตของพืช ตั้งแต่ระยะ Vegetative (สร้างลำต้นและใบ) ไปจนถึงระยะ Flowering (ออกดอกและพัฒนาสารสำคัญ)

หากบริหารไนโตรเจนได้ถูกต้อง จะช่วยให้ได้ผลผลิตที่มีคุณภาพสูงสุด


🌱 ทำไมไนโตรเจนถึงสำคัญสำหรับพืช Cannxxxis

ไนโตรเจนส่งผลต่อ:

✅ การสร้างใบและลำต้นที่แข็งแรง → เพิ่มประสิทธิภาพการสังเคราะห์แสงและการเติบโต

✅ ความสามารถในการดูดซึมธาตุอาหารอื่น ๆ เช่น ฟอสฟอรัส (P) และโพแทสเซียม (K)

✅ การควบคุมโครงสร้างของพืช → ปรับความสูงและความแข็งแรงของกิ่งก้าน

✅ คุณภาพของดอก → มีผลต่อปริมาณ THC, CBD, เทอร์พีน และสารสำคัญอื่น ๆ

โดยทั่วไป พืชต้องการไนโตรเจนมากในช่วง Vegetative Phase และต้องลดลงในช่วง Flowering Phase เพื่อให้ดอกมีคุณภาพสูง ไม่ฟูเกินไปจนเสียรสชาติและกลิ่น


🌿 เทคนิคการใช้ไนโตรเจนในการทำ Crop Steering

1. ช่วง Vegetative (เร่งการเติบโตของลำต้นและใบ)

ช่วงนี้พืชต้องเติบโตเร็ว สร้างใบและลำต้นแข็งแรง เพื่อรองรับการออกดอกในอนาคต

แนวทางการให้ไนโตรเจน

  • ใช้ NO₃⁻ มากกว่า NH₄⁺ (อัตราส่วน NH₄⁺:NO₃⁻ ≈ 20:80)
  • ปริมาณไนโตรเจน: 150-250 ppm
  • EC: 1.2-2.0 mS/cm
  • pH ที่เหมาะสม: 5.8-6.2 ( วัสดุปลุกใช้ pH ที่แตกต่างกัน )

💡 เทคนิคเสริม:

  • เพิ่ม CO₂ (1000-1200 ppm) กระตุ้นการเติบโต
  • ใช้แสง PPFD 400-600 µmol/m²/s
  • ควบคุมอุณหภูมิ 24-28°C และความชื้น 60 – 75 %

2. ช่วง Pre-Flowering (ช่วงเปลี่ยนผ่านไปออกดอก)

ช่วงนี้พืชเริ่มเข้าสู่การออกดอก ควรลดไนโตรเจนลงและเพิ่มฟอสฟอรัสกับโพแทสเซียม

แนวทางการให้ไนโตรเจน

  • ลดไนโตรเจนเหลือ 150-200 ppm ( ระวังอย่าลด มากจนเกินไป หากไม่มีปุ๋ย ที่เป็น สูตรเฉพาะ อาจเป็นอันตรายต่อพืชของเราได้ )
  • อัตราส่วน NH₄⁺:NO₃⁻ คงที่ที่ 30:70
  • EC: 1.5-2.2 mS/cm
  • pH ที่เหมาะสม: 6.0-6.3 ( วัสดุปลุกใช้ pH ที่แตกต่างกัน )

💡 เทคนิคเสริม:

  • ลดแสงจาก 18/6 ชั่วโมง เป็น 12/12 ชั่วโมง
  • ปรับอุณหภูมิลงเล็กน้อย (~23-26°C)

3. ช่วง Flowering (ออกดอกและเพิ่มสารสำคัญ THC/CBD)

ไนโตรเจนมากเกินไปจะทำให้ดอกฟูแต่มีคุณภาพต่ำ ดังนั้นต้องลดลงอีก

แนวทางการให้ไนโตรเจน

  • ลดไนโตรเจนเหลือ 50-100 ppm
  • ใช้ NO₃⁻ เป็นหลักและเลี่ยง NH₄⁺
  • EC: 1.8-2.5 mS/cm
  • pH: 6.3-6.5  ( วัสดุปลุกใช้ pH ที่แตกต่างกัน )
  • เพิ่ม โพแทสเซียม (K) และ ฟอสฟอรัส (P)

💡 เทคนิคเสริม:

  • ลดความชื้น 50-58 % เพื่อป้องกันเชื้อรา
  • เพิ่ม Ca-Mg เพื่อช่วยให้ดอกแน่นขึ้น
  • ใช้ ไนโตรเจนอินทรีย์ (กรดอะมิโน) เพื่อเพิ่มความหนาแน่นของดอก

4. ช่วง Late Flowering / Ripening (เร่งสุกและปรับรสชาติ/กลิ่นของดอก)

ช่วงก่อนเก็บเกี่ยว ควรล้างไนโตรเจนออกจากระบบเพื่อให้ดอกมีกลิ่นและรสชาติที่ดี

แนวทางการให้ไนโตรเจน

  • ลดไนโตรเจนให้ต่ำสุด <50 ppm หรือ 0 ppm
  • EC: 1.0-1.5 mS/cm
  • pH: 6.3-6.8
  • ใช้น้ำเปล่าหรือสารอาหารอินทรีย์ที่ไม่มีไนโตรเจน

💡 เทคนิคเสริม:

  • ลดอุณหภูมิช่วง 7-10 วันสุดท้าย เพื่อเพิ่มสีของดอก
  • ลดความชื้นลง 45-55 %
  • ใช้แสง UV-B เพื่อเพิ่ม THC

🔄 สรุปแนวทางการใช้ไนโตรเจนในแต่ละช่วง

ช่วงการเติบโต NH₄⁺:NO₃⁻ ไนโตรเจน (ppm) EC (mS/cm) pH
Vegetative (เร่งใบ) 20:80 150-250 1.2-2.0 5.8-6.2
Pre-Flowering (เปลี่ยนไปออกดอก) 30:70 100-150 1.5-2.2 6.0-6.3
Flowering (เร่งดอกและสารสำคัญ) 10:90 50-100 1.8-2.5 6.3-6.5
Ripening (เร่งสุกและเพิ่มกลิ่น) 0:100 <50 1.0-1.5 6.3-6.8

🌱 ประโยชน์ของการใช้ไนโตรเจนอย่างเหมาะสม

✅ ควบคุมโครงสร้างพืชให้เหมาะกับสายพันธุ์

✅ เพิ่มผลผลิตและคุณภาพของดอก

✅ ปรับปรุงรสชาติ กลิ่น และปริมาณ THC/CBD อื่นๆ

✅ ลดปัญหาไนโตรเจนตกค้าง ทำให้ดอกมีกลิ่นและรสชาติดีขึ้น

!!!!! สุดท้าย ค่าเหล่านี้เป็นแนวทางเบื้องต้น แนะนำให้จดบันทึกและปรับแต่งตามประสบการณ์ของคุณเพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุด! 🌟

เพิ่มเติม ควรใช้ปุ๋ยให้เหมาะสมกับ ระยะการเติบโต จะให้ผลดีที่สุด หรือปุ๋ยที่มีการคิดค้นมาอย่างดีแล้ว

 

Shopping cart
Sign in

No account yet?